ข้อบังคับของบริษัท

• หมวดที่ 1 บททั่วไป
  1. ข้อ 1

     ข้อบังคับนี้เรียกว่าข้อบังคับของ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน)
  2. ข้อ 2

     คำว่า “บริษัท” ในข้อบังคับนี้หมายถึง บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน)
  3. ข้อ 3

     ข้อความอื่นที่มิได้กล่าวไว้ในข้อบังคับนี้ ให้ถือและบังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนทุกประการ
• หมวดที่ 2 การออกหุ้นและการโอนหุ้น
  1. ข้อ 4

     หุ้นทั้งหมดของบริษัทเป็นหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อผู้ถือหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นต้องชำระค่าหุ้นครั้งเดียวเต็มมูลค่า โดย
     ผู้จองซื้อหุ้นจะขอหักกลบลบหนี้กับบริษัทไม่ได้
  2. ข้อ 5

     หุ้นของบริษัทจะแบ่งแยกมิได้ ถ้าบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปถือหุ้นหรือจองซื้อหุ้นรวมกัน ต้องตั้งให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นหรือผู้จองซื้อหุ้นแล้วแต่กรณี

     บริษัทอาจออกหุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพ หุ้นบุริมสุทธิ หรือหลักทรัพย์อื่นใดก็ตามที่กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อนุญาต เพื่อเสนอขายต่อประชาชน
  3. ข้อ 6

     ใบหุ้นของบริษัททุกใบจะต้องมีกรรมการอย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ไว้ แต่กรรมการอาจมอบหมายให้นายทะเบียนหุ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ลงลายมือชื่อหรือพิมพ์แทนก็ได้ ซึ่งการลงลายมือชื่อหรือพิมพ์แทนดังกล่าวนั้น ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

     ในกรณีที่ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นนายทะเบียนหุ้นของบริษัท วิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับงานทะเบียนหุ้นของบริษัทให้เป็นไปตามที่นายทะเบียนหุ้นกำหนด
  4. ข้อ 7

     บริษัทจะออกใบหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนบริษัทหรือนับตั้งแต่วันที่บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นครบถ้วน ในกรณีจำหน่ายหุ้นที่เหลือหรือจำหน่ายหุ้นที่ออกใหม่
  5. ข้อ 8

     ใบหุ้นฉบับใดชำรุดหรือลบเลือนในสาระสำคัญ ผู้ถือหุ้นอาจขอให้บริษัทออกใบหุ้นใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยเวนคืนใบหุ้นเดิม หรือในกรณีที่ใบหุ้นสูญหายหรือถูกทำลาย ผู้ถือหุ้นจะต้องนำหลักฐานการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนหรือหลักฐานอื่นอันสมควรมาแสดงต่อบริษัท บริษัทจะออกใบหุ้นใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

     ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นตายหรือล้มละลาย บุคคลที่มีสิทธิจะได้รับโอนหุ้นนั้น หากนำใบหุ้นมาเวนคืน พร้อมหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายมาแสดงแก่บริษัทครบถ้วนแล้ว บริษัทจึงจะลงทะเบียนรับบุคคลนั้นเป็นผู้ถือหุ้นและออกใบหุ้นใหม่ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหลักฐานครบถ้วน
  6. ข้อ 9

     บริษัทจะถือหุ้นหรือรับจำนำหุ้นของตนเองไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้
     

     (1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนน และสิทธิในการรับเงินปันผลซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม

     (2) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน การซื้อหุ้นของบริษัทคืนต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทซื้อหุ้นคืนในจำนวนไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้ว ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริษัท

     หุ้นที่บริษัทถืออยู่อันเนื่องมาจากการซื้อหุ้นคืนนั้น จะไม่นับเป็นองค์ประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้งไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล

     การซื้อหุ้นของบริษัทคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น
  7. ข้อ 10

     หุ้นของบริษัทสามารถโอนได้โดยไม่มีข้อจำกัด เว้นแต่การโอนหุ้นนั้นเป็นเหตุให้บุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทยถือหุ้นอยู่ในบริษัทเกินกว่าร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด
  8. ข้อ 11

     การโอนหุ้นย่อมสมบูรณ์ เมื่อผู้โอนได้สลักหลังใบหุ้น โดยระบุชื่อผู้รับโอนและลงลายมือชื่อของผู้โอนและผู้รับโอน และส่งมอบใบหุ้นให้แก่ผู้รับโอน

     การโอนหุ้นจะใช้ยันบริษัทได้ต่อเมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว และจะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว

     เมื่อบริษัทเห็นว่าการโอนหุ้นนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ให้บริษัทลงทะเบียนโอนหุ้นภายในกำหนด 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ หรือหากเห็นว่าการโอนหุ้นนั้นไม่ถูกต้องสมบูรณ์ ให้บริษัทแจ้งแก่ผู้ยื่นคำร้องขอภายในกำหนด 7 วัน

     เมื่อหุ้นของบริษัทได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การโอนหุ้นนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
  9. ข้อ 12

     บริษัทอาจปิดงดรับลงทะเบียนการโอนหุ้นในระหว่าง 21 วัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้นแต่ละครั้งก็ได้ โดยประกาศให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้า ณ สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาของบริษัททุกแห่งไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนวันปิดงดรับลงทะเบียนการโอนหุ้น
• หมวดที่ 3 คณะกรรมการ
  1. ข้อ 13

     คณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และกรรมการไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดต้องมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
  2. ข้อ 14

     ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการพร้อมกันในคราวเดียวกันตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้

     (1) ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับหนึ่งหุ้นต่อเสียงหนึ่ง

     (2) ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งหมดตาม (1) เลือกตั้งบุคคลคนเดียว หรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ แต่จะแบ่งคะแนนเสียงให้กับผู้ใดมากน้อยเพียงใดไม่ได้

     (3) บุคคลซึ่งได้คะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องเลือกตั้งในครั้งนั้น ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้องเลือกตั้งในครั้งนั้น ให้ประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด
  3. ข้อ 15

     ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่งเป็นจำนวนหนึ่งในสาม (1/3) เป็นอัตรา โดยให้กรรมการที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดเป็นผู้ออกจากตำแหน่งก่อน หรือหากอยู่ในตำแหน่งมาพร้อมกัน ก็ให้ใช้วิธีจับสลากว่าจะให้กรรมการคนใดออกจากตำแหน่ง ถ้าจำนวนกรรมการที่จะออกไม่อาจแบ่งให้ตรงเป็นสามส่วนได้ก็ให้ออกโดยจำนวนใกล้เคียงที่สุดกับส่วนหนึ่งในสาม (1/3) กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามข้อนี้ อาจได้รับเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่งใหม่อีกได้
  4. ข้อ 16

     กรรมการมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบของเงินรางวัล ค่าเบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส หรือผลประโยชน์ตอบแทนในลักษณะอื่น ตามข้อบังคับหรือตามที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะพิจารณา ซึ่งอาจกำหนดเป็นจำนวนแน่นอนหรือวางเป็นหลักเกณฑ์และจะกำหนดไว้เป็นคราว ๆ ไป หรือจะให้มีผลตลอดไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ และนอกจากนั้นให้ได้รับเบี้ยเลี้ยงและสวัสดิการต่าง ๆ ตามระเบียบของบริษัท

     ความในวรรคหนึ่ง ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัท ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการในอันที่จะได้รับค่าตอบแทนและผลประโยชน์ในฐานะที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัท
  5. ข้อ 17

     นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ

     (1) ตาย

     (2) ลาออก

     (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย

     (4) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออก

     (5) ศาลมีคำสั่งให้ออก
  6. ข้อ 18

     กรรมการคนใดจะลาออกจากตำแหน่งให้ยื่นใบลาออกจากบริษัท การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ใบลาออก ไปถึงบริษัท
  7. ข้อ 19

     ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ ให้คณะกรรมการเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 เข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคราวถัดไป เว้นแต่วาระของกรรมการจะเหลือน้อยกว่าสองเดือน บุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนดังกล่าวจะอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน

     มติของกรรมการตามวรรคหนึ่งต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการที่ยังเหลืออยู่
  8. ข้อ 20

     ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจลงมติให้กรรมการคนใดออกจากตำแหน่งก่อนถึงคราวออกตามวาระได้ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง
  9. ข้อ 21

     ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ

     ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรจะเลือกกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นรองประธานกรรมการก็ได้ รองประธานกรรมการมีหน้าที่ตามข้อบังคับในกิจการที่ประธานกรรมการมอบหมาย

     อำนาจกรรมการซึ่งสามารถกระทำการแทนบริษัทได้ ให้กรรมการจำนวน 2 คน ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท

     ให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อกรรมการซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทได้
  10. ข้อ 22

      ในการประชุมคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม

      ในกรณีที่ประธานไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้ามีรองประธานกรรมการ ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานกรรมการหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

      การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก

      กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งเสียงในการลงคะแนน เว้นแต่กรรมการที่มีส่วนได้เสียในเรื่องใด ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
  11. ข้อ 23

      ในการเรียกประชุมคณะกรรมการ ให้ประธานคณะกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่งหนังสือนัดประชุมไปยังกรรมการไม่น้อยกว่า 3 วันก่อนวันประชุม เว้นแต่กรณีจำเป็นรีบด่วนเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัท จะแจ้งนัดการประชุมโดยวิธีอื่นและกำหนดวันประชุมให้เร็วกว่านั้นก็ได้

      การส่งหนังสือนัดประชุมหรือเอกสารตามวรรคหนึ่งอาจกระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ หากผู้รับได้แจ้งความประสงค์หรือยินยอมให้ส่งเอกสารโดยวิธีการดังกล่าว

      คณะกรรมการสามารถจัดประชุมได้ ณ ท้องที่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทหรือสถานที่อื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร หรืออาจดำเนินการจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเป็นสถานที่จัดการประชุม

      นอกจากนี้เมื่อมีเหตุอันสมควรหรือเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของบริษัท กรรมการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป อาจร้องขอให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการได้ โดยต้องระบุเรื่องและเหตุผลที่จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ในกรณีนี้ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากประธานกรรมการกำหนดวันประชุมภายใน 14 วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ

      ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายไม่ดำเนินการตามวรรคสี่ กรรมการซึ่งร้องขออาจร่วมกันเรียกและกำหนดวันประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องที่ร้องขอได้ภายใน 14 วันนับแต่วันครบกำหนดระยะเวลาตามวรรคสี่
  12. ข้อ 24

      คณะกรรมการอาจแต่งตั้งบุคคลอื่นใดให้ดำเนินกิจการของบริษัทภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการหรืออาจมอบหมายให้บุคคลดังกล่าวมีอำนาจตามที่คณะกรรมการเห็นสมควรและภายในเวลาที่คณะกรรมการเห็นสมควร และคณะกรรมการอาจยกเลิก เพิกถอน แก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจนั้นได้
  13. ข้อ 25

      คณะกรรมการของบริษัทจะต้องประชุมอย่างน้อย 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง
  14. ข้อ 26

      กรรมการจะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัท หรือมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น

      ในกรณีที่บริษัทหรือบริษัทย่อยตกลงเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการเกี่ยวกับการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท ตามความหมายที่กำหนดตามประกาศตลาดหลักทรัพย์ที่ใช้บังคับกับการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน หรือการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนแล้วแต่กรณี ให้บริษัทปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ประกาศดังกล่าวกำหนดไว้ในเรื่องนั้น ๆ โดยอนุโลมด้วย
  15. ข้อ 27

      กรรมการจะต้องแจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้า หากมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับบริษัทหรือถือหุ้นหรือหุ้นกู้เพิ่มขึ้นหรือลดลงในบริษัทหรือบริษัทในเครือ
  16. ข้อ 28

      ห้ามมิให้กรรมการประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกัน หรือเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัท หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเข้าเป็นกรรมการในบริษัทเอกชนหรือบริษัทมหาชนอื่น ซึ่งประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัท เว้นแต่จะแจ้งให้ที่ประชุมทราบก่อนที่จะมีการลงมติแต่งตั้ง
• หมวดที่ 4 การประชุมผู้ถือหุ้น
  1. ข้อ 29

     คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีละ 1 ครั้ง ภายใน 4 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดของรอบปีบัญชีของบริษัท

     ถ้ามีการประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งอื่น ๆ ให้เรียกการประชุมนั้นว่า การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น โดยคณะกรรมการจะเรียกประชุมเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร

     ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งหรือหลายคนซึ่งมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 (สิบ) ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจะเข้าชื่อกันทำเป็นหนังสือขอให้คณะกรรมการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเป็นการประชุมวิสามัญก็ได้ แต่ต้องระบุเรื่องและเหตุผลในการเรียกประชุมไว้ให้ชัดเจนในหนังสือดังกล่าวด้วย ในกรณีนี้ให้คณะกรรมการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากผู้ถือหุ้น

     ในกรณีที่คณะกรรมการไม่จัดให้มีการประชุมภายในกำหนดระยะเวลา 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งเข้าชื่อกันหรือผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ รวมกันได้จำนวนหุ้นตามที่บังคับไว้นั้นจะเรียกประชุมเองก็ได้ ภายใน 45 วัน นับแต่วันครบกำหนดระยะเวลาที่ให้คณะกรรมการเป็นผู้จัดประชุม ในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่าเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นที่คณะกรรมการเรียกประชุม โดยบริษัทต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอันจำเป็นที่เกิดจากการจัดให้มีการประชุมและอำนวยความสะดวกตามสมควร

     ในกรณีที่ปรากฏว่าการประชุมผู้ถือหุ้นที่เป็นการเรียกประชุมเพราะผู้ถือหุ้นตามวรรคสี่ หากจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาร่วมประชุมไม่ครบเป็นองค์ประชุมตามที่กำหนดไว้ในข้อ 32. ผู้ถือหุ้นที่เรียกประชุมตามวรรคสี่ต้องร่วมกันรับผิดชอบชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจัดให้มีการประชุมในครั้งนั้นให้แก่บริษัท

     การส่งหนังสือนัดประชุมและการประชุมผู้ถือหุ้นอาจดำเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็ได้

     ในกรณีที่ได้จัดให้มีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหก ให้ถือว่าที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเป็นสถานที่จัดการประชุม
  2. ข้อ 30

     ในการเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ให้คณะกรรมการจัดทำเป็นหนังสือนัดประชุม ระบุสถานที่ วัน เวลา ระเบียบวาระการประชุมและเรื่องที่จะเสนอต่อที่ประชุม พร้อมด้วยรายละเอียดตามสมควร โดยระบุว่าจะเป็นเรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เพื่ออนุมัติ หรือเพื่อพิจารณา รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว และจัดส่งให้ผู้ถือหุ้นทราบไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนวันประชุม พร้อมโฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมในหนังสือพิมพ์ติดต่อกัน 3 วัน ก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 3 วัน

     การดำเนินการโฆษณาคำบอกกล่าวนัดประชุมตามวรรคหนึ่งอาจใช้วิธีการโฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนก็ได้ตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียน หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
  3. ข้อ 31

     ในการประชุมผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นอาจจะมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมและออกเสียงแทนตนในการประชุมก็ได้ หนังสือมอบฉันทะจะต้องลงวันที่ ลายมือชื่อของผู้ถือหุ้นที่มอบฉันทะ และเป็นแบบที่นายทะเบียนกำหนดพร้อมมอบแก่ประธานกรรมการ หรือบุคคลที่ประธานกรรมการกำหนดก่อนผู้รับมอบฉันทะจะเข้าร่วมประชุม

     การมอบฉันทะตามวรรคหนึ่ง อาจดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แทนได้ โดยต้องใช้วิธีการที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ว่าการมอบฉันทะนั้นได้ดำเนินการโดยผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนกำหนด
  4. ข้อ 32

     ในการประชุมผู้ถือหุ้น ต้องมีผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น (ถ้ามี) เข้าประชุมร่วมกันไม่น้อยกว่า 25 คน หรือไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด และต้องมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม

     ในกรณีที่ปรากฏกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งใด เมื่อล่วงเลยเวลานัดไปแล้วถึง 1 ชั่วโมง จำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุมตามที่กำหนดไว้ หากว่าการประชุมผู้ถือหุ้นได้เรียกนัดเพราะผู้ถือหุ้นร้องขอ การประชุมนั้นเป็นอันระงับไป ถ้าการประชุมผู้ถือหุ้นนั้นมิใช่เป็นการเรียกประชุมเพราะผู้ถือหุ้นร้องขอ ให้คณะกรรมการนัดประชุมใหม่และส่งหนังสือนัดประชุมไปยังผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันประชุม ในการประชุมครั้งหลังนี้ไม่บังคับว่าจะต้องครบองค์ประชุม
  5. ข้อ 33

     มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ให้ประกอบด้วยคะแนนเสียงดังต่อไปนี้

     (1) ในกรณีปกติ ให้ถือเสียงข้างมากของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงในการลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

     (2) ในกรณีต่อไปนี้ ให้ถือคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
     ก. การขายหรือโอนกิจการของบริษัททั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญให้แก่บุคคลอื่น
     ข. การซื้อหรือรับโอนกิจการของบริษัทอื่นหรือบริษัทเอกชนมาเป็นของบริษัท
     ค. การทำ แก้ไข หรือเลิกสัญญา เกี่ยวกับการให้เช่ากิจการของบริษัททั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญ การมอบหมายให้บุคคลอื่นเข้าจัดการธุรกิจของบริษัท หรือการรวมกิจการกับบุคคลอื่นโดยมีวัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรขาดทุนกัน
  6. ข้อ 34

     การนับคะแนนในการประชุมผู้ถือหุ้น ให้ถือว่าผู้ถือหุ้นทุกคนมีคะแนนเสียงหนึ่งเสียงต่อหนึ่งหุ้น
  7. ข้อ 35

     กิจการอันที่ประชุมสามัญประจำปี พึงกระทำมีดังนี้

     (1) พิจารณารายงานของคณะกรรมการที่เสนอต่อที่ประชุมเกี่ยวกับกิจการของบริษัทที่ได้ดำเนินการไปในรอบปีที่ผ่านมา

     (2) พิจารณาและอนุมัติงบดุล

     (3) พิจารณาจัดสรรเงินกำไร

     (4) เลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ออกตามวาระ

     (5) แต่งตั้งผู้สอบบัญชี

     (6) กิจการอื่น ๆ
• หมวดที่ 5 การเงิน การบัญชี และการสอบบัญชี
  1. ข้อ 36

     ห้ามมิให้แบ่งเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร เงินปันผลให้แบ่งตามจำนวนหุ้น หุ้นละเท่า ๆ กัน ในกรณีที่บริษัทยังมียอดขาดทุนสะสมอยู่ ห้ามมิให้แบ่งเงินปันผล

     คณะกรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งคราว ในเมื่อเห็นว่าบริษัทมีผลกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น และรายงานให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมคราวต่อไป

     การจ่ายเงินปันผลให้กระทำภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ หรือคณะกรรมการลงมติแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ให้แจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้ถือหุ้น และโฆษณาคำบอกกล่าวการจ่ายเงินปันผลในหนังสือพิมพ์ 3 วันติดต่อกันด้วย

     การดำเนินการตามวรรคสามอาจดำเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็ได้
  2. ข้อ 37

     บริษัทต้องจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนสำรองไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิประจำปี หักด้วยยอดเงินขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าทุนสำรองนี้มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน
  3. ข้อ 38

     รอบปีบัญชีของบริษัทเริ่มต้นวันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดลงวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี
  4. ข้อ 39

     คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการทำบัญชีและเก็บรักษาบัญชีตลอดจนการสอบบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และจะต้องจัดทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนอย่างน้อยหนึ่งครั้งในรอบ 12 เดือน ตามรอบปีบัญชีของบริษัท
  5. ข้อ 40

     ผู้สอบบัญชีมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัททุกครั้งที่มีการพิจารณางบดุล บัญชีกำไรขาดทุน และปัญหาเกี่ยวกับบัญชีของบริษัท เพื่อชี้แจงการตรวจสอบบัญชีต่อผู้ถือหุ้น ให้บริษัทจัดส่งรายงานและเอกสารของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นพึงจะได้รับในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนั้น ๆ แก่ผู้สอบบัญชีด้วย

     ผู้สอบบัญชีต้องไม่เป็นกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ ของบริษัท
  6. ข้อ 41

     ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบบัญชี เอกสาร และหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวกับรายได้ รายจ่าย ตลอดจนทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทในระหว่างเวลาทำการของบริษัท ในการนี้ให้มีอำนาจสอบถามกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ ของบริษัทและตัวแทนของบริษัท รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริง หรือส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัท
• หมวดที่ 6 บทเพิ่มเติม
  1. ข้อ 42

     ตราของบริษัทให้ใช้ดังที่ประทับไว้นี้